ไปเป็นชาวเกาะ ‘สมุย’

บางครั้ง ชีวิตก็พาเราเดินไปในเส้นทางที่ไม่ได้ตั้งใจ เดินทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และจากเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยนั้น เรามักจะได้เรียนรู้ และเข้าใจอะไรใหม่ๆ ทุกๆ ครั้ง

เคยคิดมาเสมอว่าอยากไปใช้ชีวิตชาวเลดูสักครั้ง ไม่รู้ว่าว่าไปหลงรักทะเลแบบหัวปักหัวปำตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ชีวิตคนเมืองอย่างเราๆ อย่างมากคงได้แค่หลบไปซบอกทะเลในช่วงสั้นๆ หลังจากอาบรังสีียูวีจากหน้าจอคอมพิวเตอร์​จนหน้าเหี่ยวย้อยไปตามๆ กัน ใครจะคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตในฝันเร็วขนาดนี้ แถมไม่ใช่ได้เป็นแค่ ‘ชาวเล’ ธรรมดาๆ ซะด้วย แต่ได้เขยิบออกไปเป็น ‘ชาวเกาะ’ เลยต่างหาก!

หลังจากตัดสินใจเบนสายอาชีพ ปุ๊ปปั๊ปลาออกจากงาน ก็มีโอกาสได้ย้อนกลับไปใช้ชีวิตเป็นเด็กฝึกงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการฝึกงานโรงแรม…ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน! นอกจากความงงในความมุทะลุของตัวเองที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วหลังจากที่ได้ยินว่า ‘เกาะสมุย’ แล้ว ก็ยังงงในเนื้องาน งงในภาพรวม งงในชีิวิตบนเกาะ และงงว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง บอกแล้วว่าบางครั้งชีวิตก็พาเราเดินไปในเส้นทางที่ไม่ได้ตั้งใจ เดินทั้งๆ ที่ไม่รู้่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และจากเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยนั้น เรามักจะได้เรียนรู้ และเข้าใจอะไรใหม่ๆ ทุกๆ ครั้ง

แค่ ‘กล้า’ ที่จะเดินก็คุ้มแล้ว ที่เหลือคือกำไร…

‘เกาะสมุย’ ยังคงมีเสน่ห์อยู่เสมอ ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะเยอะ และถนนจะอุดตันแค่ไหน สมุยก็ยังคงน่าประทับใจ ทะเลสมุยนิ่งเรียบ แต่สวยละมุน ท้องฟ้าสมุยเป็นสนามเด็กเล่นของพระอาทิตย์ที่เล่นแสงสวยๆ กับก้อนเมฆอยู่ทุกเช้าเย็น และสำเนียงพูดห้วนๆ ของคนสมุย ยังแฝงความใจดี และจริงใจในทุกๆ ที่ที่ไป ที่สำคัญแม้ว่าภาวะเรื่องสิ่งแวดล้อมของสมุยอาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่การที่ได้เห็นความเอาใจใส่ต่อการท้ิงขยะของเจ้าหน้าที่บนเรือท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวที่เคารพในความสงบของสถานที่ ยิ่งทำให้ ‘รัก’ สมุยขึ้นอีกเป็นกอง

ทางขึ้นเรือเฟอร์รี่ซีทรานส์ที่ดอนสักจากฝ่งสุราษฏร์ฯ ครั้งนี้เอารถไป ถ้ามีผู้โดยสารไปด้วย ต้องให้ลงจากรถแล้วเดินขึ้นเรือไปป๊ะกันบนเรือ

ทะยอยกันขึั้นเฟอร์รี่…ลำนึงจุรถได้ประมาณ​ 40 คัน มีเฟอร์รี่ออกทุกชั่วโมง ถ้ามาไม่ทันคิวเรือ ก็ต้องรอเรือออกชั่วโมงถัดไป วันที่เราไป ไปถึงที่ท่าเรือตอน 6 โมงครึ่ง กะว่าให้ทันรอบ 7 โมงเช้า วันธรรมดารถไม่น่าเยอะ แต่เราคิดผิด รถจากฝั่งข้ามไปเกาะสมุยเยอะมาก เราเลยต้องรออีกชั่วโมงนึงชิลๆ

หัวคำ่ที่ท่าเรือบ่อผุด ใน Fisherman’s Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ตอนหลังปรับมาเป็นชุมชนร้านอาหาร ถนนคนเดิน และที่พัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ดูเหมือนจะพลุกพล่าน แต่ Fisherman’s Village เวลาที่ไม่มีถนนคนเดิน (เฉพาะวันศุกร์) บรรยากาศดีมาก เงียบๆ สบายๆ ยังเป็นหมู่บ้านๆ จริงๆ

บรรยากาศถนนคนเดินที่ Fisherman’s Village คืนวันศุกร์ ของที่ขายจะต่างจากถนนคนเดินที่หัวหิน หรือเชียงใหม่ ถนนคนเดินที่นี่ไม่มีของอินดี้ๆ ไว้รองรับชาวกรุงเทพอย่างเราๆ แต่จะเป็นของที่ไว้ขายต่างชาติจริงๆ อารมณ์ของจะประมาณของที่เราเห็นๆ กันที่สวนลุมไนท์เมื่อก่อน แต่ที่เป็น highlight จริงๆ ก็น่าจะเป็นอาหารทะเลปิ้งย่าง น้ำต่างๆ รวมถึง Mojitos แล้วก็ขนมอื่นๆ ที่มีขายตลอดทางเดิน เพลินกันทั้งคนไทยทั้งต่างชาติเลยทีเดียว…ถ้ามีโอกาสได้ไป ขอแนะนำลูกชิ้นปลาระเบิด เป็นเพิงเล็กๆ สีเขียว จำชื่อร้านไม่ได้ อยากจะเดินไปบอกคนขายว่า ลูกชิ้นปลาระเบิดของคุณ​ อร่อยที่สุดในโลก!!!!!

ยามเย็นที่สะพานปลาหน้าหาดบ่อผุด ใน Fisherman’s Village เป็นที่นั่งเล่นรับลมประจำของหลายๆ คน

ทางลงหาดละไม…จริงๆ แล้วละไมเป็นหาดที่ไม่ใหญ่มากถ้าเทียบกับหาดเฉวงที่เป็นที่โด่งดังของสมุย ทรายก็ไม่ละเอียดเท่า แต่หาดละไมเป็นหาดที่เราชอบที่สุดบนสมุย ถึงจะมีโรงแรมขึ้นตลอดหาด กลับไม่ทำให้หาดดูวุ่นวาย แต่กลับทำให้หาดละไมดูมีชีวิตชีวาขึ้น และก็ยังเงียบพอที่จะหายเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง…เป็นสมดุลย์ที่ทำให้หาดดูละมุนละไมแบบบอกไม่ถูก

ทะเลละไม

บรรยากาศสบายๆ ที่ละไม…ช่วงเย็นๆ จะมีการทั้งคนไทยทั้งต่างชาติมาเล่นวอลเล่บอลชายหาดกัน

เรือใบจอดที่ปลายหาด รอนักท่องเที่ยวอย่างชิลๆ

เจ้าของเรือชาวเบลเยียม อยู่สมุยมา 7 ปี ตอนที่ไปเจอ พี่นอนอาบแดดอยู่บนเรือ ดูจากสถานการณ์แล้ว เราน่าจะเป็นลูกค้ารายแรก
เพราะหาดละไมจะเงียบๆ หน่อย ถามว่าทำไมไม่ไปอยู่ที่เฉวงที่นักท่องเที่ยวเยอะๆ พี่แกบอกว่าค่าเช่าที่พักที่นี่ถูกกว่า
และไม่ต้องแข่งขันอะไรมาก ทำไปเรื่อยๆ มีความสุขดี ว่างๆ ก็เอาเรือออกไปเกาะรอบๆ ชีวิตชิลมาก

ตกในอยู่ภวังค์ (หาดละไม)

ทะเลจากจุดชมวิว…ถ้ามองดีๆ จะเห็นคุณป้ากำลังแกะหอยเจาะอยู่ตรงโขดหิน หอยเจาะ หรือหอยนางรมตัวเล็ก เป็นหอยที่หาได้ทั่วไปรอบเกาะสมุย นิยมเอามายำคู่กับสาหร่ายข้อ…เป็นอาหารจานเด็ดประจำเกาะ

ร้านบาคุบุง ร้านกาแฟร้านโปรดที่สมุย เป็นภาษาแอฟริกันแปลว่าฮิปโป…บรรยากาศดีมาก ทั้งร้านมีโต๊ะไม่เกิน 10 โตีะ ทั้งๆ ที่พื้นที่ยังเหลืออีกมาก ไปเกือบทุกวัน กาแฟอร่อย เค้กก็อร่อย บรรยากาศดี แถมเจ้าของร้านยังใจดีอีก 🙂

มุมโปรด…จิบกาแฟริมทะเล สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ได้ทั้งวันจริงๆ

บรรยากาศรอบๆ ร้าน เหมาะกับการมานั่งเล่นที่สุด

สภาพทะเลหน้าร้านบาคุบุงเวลาที่น้ำลด ทะเลฝั่งนี้ของเกาะสมุยเล่นน้ำไม่ได้ เพราะด้านล่างเป็นหินหมด

ท่าเรือเล็กของซีทรานส์​ ดิสคัฟเวอร์รี่….จากเกาะสมุย นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือออกไปเที่ยวเกาะอื่นๆ ได้ โปรแกรมที่ป๊อปปูล่าสุดๆ ก็จะมีอยู่ 2 โปรแกรม คือระหว่างไปเกาะเต่าเกาะนางยวน หรือไปหมู่เกาะอ่างทอง อันแรกต้องนั่งเรือออกไป 2 ชั่วโมง (ถ้ามาจากชุมพรไปเกาะเต่าจะใกล้กว่า) ส่วนอันหลังใกล้กว่านิดหน่อย ออกไปประมาณ​ 1.5 ชั่วโมง แนะนำทั้ง 2 ที่…สวยจริงอะไรจริง

ทริปนี้เราไปเกาะเต่าเกาะนางยวนกัน…น้ำทะเลที่เกาะเต่าใสมาก จริงๆ ที่เกาะเต่ามีอ่าวให้ดำน้ำแบบ snorkeling หลายอ่าว น้ำใส และปลาเยอะมาก เสียดายว่าอ่าวที่เราไปแวะ เป็นอ่าวที่ไม่เน้นปลา แต่พอลงน้ำไป เหมือนได้ว่ายน้ำอยู่ในสระว่ายน้ำใหญ่ๆ เพราะแทบไม่มีคลื่นเลย ลงไปนอนแช่น้ำได้สบายๆ 

จากเกาะเต่า 20 นาทีก็ถึงเกาะนางยวน…เป็นเกาะเล็กๆ 3 เกาะรวมกัน เชื่อมกันด้วยหาดขาวๆ รอบเกาะสามารถดำน้ำ snorkeling ได้ น้ำใสมากๆ และมีปลาให้เห็นหลายชนิดแค่ห่างจากหาดไม่กี่เมตร…สวยมาก

เกาะนางยวนห้ามนำขวดพลาสติกขึ้นเกาะอย่างเด็ดขาด….น้ำที่ขายบนเกาะจะเป็นน้ำขวดแก้วเท่านั้น เป็นนโยบายที่น่านำไปเผยแพร่ต่อมากๆ

น้ำทะเลรอบเกาะนางยวน…บนเกาะสามารถพักได้ มีห้องพักให้เลือกเช่า แต่อาจจะต้องสอบถามเรื่องวันเวลา เนื่องจากถ้าเป็นช่วงพายุ ลมจะแรงมาก ไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปได้หรือเปล่า

ทางขึ้นเกาะนางยวน…อารมณ์คล้ายๆ pirates of the caribbean นิดๆ :p 

หาดเชื่อมระหว่าง 3 เกาะ

มีทางเดินให้เดินเล่นได้เกือบรอบเกาะ วิวดีมาก สวยมากจริงๆ

หลังจากฝึกงานเสร็จเรียบร้อย เลยได้ถือโอกาสอยู่เที่ยวต่ออีกหน่อย ไปเจอโรงแรมเล็กๆ ชื่อ Samui Ley เข้าที่ Fisherman’s Village …ทั้งหมดมีแค่ 5 ห้อง โรงแรมน่ารักมากก ติดหาด เงียบสงบ ชิลสุดๆ เหมาะกับการพักผ่อนมาก

บรรยากาศ cafe ของโรงแรมช่วงพระอาทิตย์ตก

ห้องพัก…ตกแต่งได้น่ารักมาก เปิดม่านออกไปคือทะเล

ระเบียงหน้าห้องพัก

วิวยามเช้า…ถึงกับไม่อยากกลับบ้านกันเลยทีเดียว

ท้องฟ้าที่สมุยสวยมากเกือบทุกวันที่ฝนไม่ตก…อยู่สมุยแล้วรู้สึกเราตัวเล็กนิดเดียว เทียบกับท้องฟ้า และทะเล

กิจกรรมหน้าหาดเฉวง….หาดที่โด่งดังของสมุย เป็นหาดทรายขาวยาวมาก สวยไปอีกแบบ ทรายที่เฉวงจะละเอียดกว่าที่หาดอื่น บรรยากาศที่เฉวงก็คึกคักกว่าหาดอื่น ถ้าเทียบละไมเป็นคนวัย 25 อัพที่เริ่มจะนิ่งๆ เฉวงก็คงเป็นวัยรุ่นสักประมาณ​ 18-19 ที่พร้อมจะหาเรื่องสนุกๆ ทำอยู่เสมอ และเฉวงก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะมีกิจกรรมให้เลือกทำได้หลากหลาย ทั้งคายัค เจ็ทสกี และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่เฉวงก็ยังไม่วุ่นวายเหมือนหาดพัทยา….ยังคงมีความเป็นสมุยแบบสบายๆ ไว้อยู่ได้อย่างน่าดีใจ

ท้องฟ้าสมุยเป็นสนามเด็กเล่นของพระอาทิตย์กับก้องเมฆจริงๆ ฟ้าสวยเกือบทุกวัน

ขอเล่นกับฟ้าด้วยคน 🙂

กลับจากสมุยแบบอ้อยอิ่ง….บอกตัวเองไว้แล้วว่ายังไงต้องกลับไปอีกให้ได้

เวลาแค่ 2 เดือนอาจดูไม่ยาวมากถ้าจะคิดว่าจะปักหลักอยู่ที่ไหนสักที่ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ใครสักคนทำให้เราประทับใจได้มากพอที่เราจะหลงรักเขา ใครคนนั้นอาจเป็นสถานที่ และอาจเป็นส่วนผสมของใครหลายๆ คนที่ผ่านเข้ามาในทางเดินของเรา เวลา 2 เดือนทำให้เรารักสมุย รักทะลสมุย และรักคนสมุย….มิตรภาพ ความจริงใจ ความเป็นห่วงเป็นใย และโอกาสที่ได้รับในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้แน่ใจได้อีกครั้งว่า…

บางทีถ้าเราไม่ลองหลับตาเดินดูบ้าง เดิน…ทั้งๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้า เราอาจไม่มีวันได้เจอคนหลายๆ คน และรู้อะไรอีกหลายๆ อย่าง ที่เพียงแค่มองผ่านๆ อาจไม่เห็น

ขอบคุณเจ้านายเก่าที่ยื่นโอกาสนี้มาให้ ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ ที่สมุยที่คอยดูแลทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงาน ที่พัก และอาหารการกิน ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ลงไปเยี่ยมกันถึงสมุย ทำให้ระหว่างทางที่ไม่คุ้นเคยของเราสนุก และน่าประทับใจขึ้นเป็นกอง สารภาพตรงนี้เลยว่ายังไงๆ เที่ยวกับเพื่อนก็สนุกกว่าเที่ยวคนเดียว ไม่ว่าใครจะเถียงว่าการเที่ยวคนเดียวจะดูอินดี้กว่ามากขนาดไหนก็ตาม :p

One thought on “ไปเป็นชาวเกาะ ‘สมุย’

Leave a comment